
AWS Summit Bangkok 2025: Key Note Session
สวัสดีครับเพื่อน ๆ อย่างที่บอกไปในบทความก่อนหน้า (AWS Summit Bangkok 2025: สู่บทใหม่ของอนาคตดิจิทัลประเทศไทย) ว่าผมจะมาเล่าเนื้อหาในส่วนของ Key Note แยกต่างหาก ซึ่งในบทความนี้ ผมจะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ กันครับ
Key Note สำหรับงาน AWS Summit Bangkok 2025 ในครั้งนี้มี Speakers ด้วยกันทั้งหมด 3 ท่านครับตามนี้ครับ
- คุณ Laura Grit, Vice President & Distinguished Engineer, AWS
- คุณ Yod Chinsupakul, Founder & Chief Executive Officer, LINE MAN Wongnai
- คุณ Sunsern Samaisut, Chief Technology Officer, CP Group, และ Managing Director, AXONS
Laura Grit - Vice President & Distinguished Engineer, AWS
Vice President ท่านนี้บินตรงมาจากสหรัฐอเมริกาพร้อมกับเปิด session ด้วยคำถามที่ว่า
“What if you could build anything you imagine? -ถ้าคุณสามารถสร้างอะไรก็ได้ตามจินตนาการล่ะ?”
จากนั้นเธอจึงกล่าวถึงแรงกระเพื่อมที่ประโยคนี้พา AWS ไปถึงจุดไหนมาบ้าง “ที่ AWS เรามี building block ให้คุณสามารถสร้างอะไรก็ได้เท่าที่จินตนาการได้ ซึ่งพวกคุณในไทยก็สรรสร้างสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งช่วยผู้คน พลิกโฉมการเงิน เป็นต้น” คุณ Laura สื่อสารว่า AWS พร้อมและยินดีเป็นอย่างมากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับผู้คนบนโลกนี้ ผ่าน Infrastructure ที่ดีที่สุดของพวกเขา
ขณะเดียวกัน คุณ Laura ก็เน้นย้ำด้วยว่าเสาหลักสำคัญในการสร้างสรรนวัตกรรมของ AWS คือ
- ความปลอดภัย (Everything starts with security) ใน AWS ไม่ว่าพนักงานระดับไหน ตั้งแต่ล่างสุดจนถึงผู้บริหารจะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้เลย เว้นเสียแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล
- ต่อมาคือเรื่องของ การขยายตัว (Scalability) AWS มีโครงข่ายส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดด้วย Fibre Optic ที่ยาวถึง 6 ล้านกิโลเมตรอยู่ทุกทวีปทั่วโลก และ AWS ก็มีการขยายอาณาเขตโครงข่ายอยู่เรื่อย ๆ มากว่า 80% เฉลี่ยต่อปี
ซึ่งประโยคนี้ถือได้ว่าเป็นการประกาศถึงคำมั่นสัญญาที่ AWS มีให้ต่อผู้ใช้งานได้อย่างดีเลยครับ ทั้งเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล (Security) และความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล (Global Access)
คุณ Laura กล่าวต่อด้วยเรื่องของการแนะนำเซอร์วิสต่าง ๆ ที่เป็นเรือธงของ AWS และฟังก์ชันใหม่ ๆ ที่ขนกันมาอย่างคับคั่ง ทั้ง
-
Compute: Amazon EC2 มี Instance ใหม่ ๆ ที่ทรงประสิทธิภาพและทำให้ผู้ใช้งานหายห่วงเรื่องการประเมินผล เพราะได้รับการร่วมมือและพัฒนาจาก NVDIA หรือ Graviton ที่เน้นในเรื่องของการประมวลผลประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกกว่า
-
Storage: Amazon S3 ที่มี S3 Metadata ที่เสมือนป้ายกำกับอัจฉริยะที่ช่วยให้เราจัดระเบียบและค้นหาไฟล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ Metadata อย่างชาญฉลาดไม่เพียงช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการประมวลผลและการเข้าถึงข้อมูลตามความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
-
Amazon SageMaker Unified Studio: เป็นแพลตฟอร์มที่ปฏิวัติการพัฒนาโมเดล Machine Learning ด้วยการรวมทุกเครื่องมือที่จำเป็นไว้ในที่เดียว ช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยความสามารถในการปรับขนาดอัตโนมัติและการเชื่อมต่อกับบริการ AWS อื่นๆ SageMaker Studio Unified ไม่เพียงเร่งกระบวนการพัฒนาโมเดลเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนโดยให้คุณจ่ายเฉพาะทรัพยากรที่ใช้จริงเท่านั้น
จากการแบ่งปันของคุณ Laura Grit ผมสัมผัสได้ว่าสารที่ AWS ต้องการส่งมาถึงผู้ใช้งานทุกคนนั้นคงเป็นเรื่องของ “ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ” ว่าพวกเขาจะคอยส่งมอบเซอร์วิสและเครื่องมือชั้นดีต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานได้สรรสร้างสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างหมดห่วง “ไม่ต้องห่วง คุณจินตนาการอะไรได้ก็สร้างสิ่งนั้นออกมาเลย เราจะดูแลในส่วนของความปลอดภัยและส่งมอบเครื่องมือชั้นเลิศให้คุณเอง” หาก AWS เป็นคนผมว่าเขาอยากจะพูดแบบนี้กับเราแน่นอน
Yod Chinsupakul - Founder & CEO, LINE MAN Wongnai
คุณ Yod Chinsupakul - Founder & CEO, LINE MAN Wongnai เดินก้าวมาอยู่กลางเวทีพร้อมกับกล่าวภาพรวมของ LINEMAN Wongnai โดยสะกดสายตาทุกคู่ไว้ที่หน้าจอบนเวที
อย่างที่ทราบกันดีว่า LINEMAN Wongnai มีธุรกิจ (Business Unit) หลัก ๆ สามส่วน ได้แก่
1. Consumer On-Demand Services ซึ่งธุรกิจที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีทั้ง Food Delivery, Mart, Massenger ซึ่ง Transaction ในธุรกิจนี้ก็มีมากถึง 1M+/วัน ขณะเดียวกันก็มีไรเดอร์มากถึง 150K+ คน
2. Merchant Digital Solutions ธุรกิจนี้จะเน้นที่การขายเครื่อง POS (Point of Sale) ให้กับร้านอาหารที่กระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 700k ร้าน
3. Digital Payment and Lending ธุรกิจหน่วยนี้มี Linepay ที่เป็นชื่อคุ้นหูซึ่งมี 1B+ Transaction โดยวัตถุประสงค์หลักคือการบริการด้ารการเงินให้ผู้ใช้งานที่อยู่ใน Ecosystem ของธุรกิจ
คุณยอดกล่าวถึงกลยุทธ์ที่ LINEMAN Wongnai ใช้ในการแข่งขันในตลาดไทยด้วย 2S นั่นคือ Scope & Scale โดยคุณยอดได้เน้นที่ Scope ว่าตั้งแต่ควบรวมธุรกิจกับ LINEMAN ทำให้ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว, มีคนใช้งาน POS เยอะขึ้น และมีคนเข้าใช้แพลตฟอร์ม 10,000,000 คน/เดือน
นอกจากนี้ LINEMAN Wongnai เองก็มีควาท้าทายมากมาย โดยคุณยอดกล่าวว่าส่วนที่ยากที่สุดนั้นคือ ระบบจ่ายงานแบบ real-time ซึ่งต้องจ่ายงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ ทั้งไรเดอร์ ระยะทาง สภาพอากาศ โดยคุณยอดกล่าวว่าทางทีมมีการใช้ Simulation เพื่อจำลองสถานการณ์ที่เหมือนจริงให้ใกล้เคียงกับความน่าจะเป็นต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนส่งเข้าสู่การใช้งานจริง
ซึ่งผมคิดว่าเบื้องหลังความสำเร็จด้านบนน่าจะไม่ใช่ใครนอกจาก AWS เพราะคุณยอดได้เอ่ยต่อไปด้วยว่าตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจก็ได้ตัดสินใจใช้ AWS ตั้งแต่ปี 2013 แล้ว และใช้มาตลอดจนตอนนี้ AWS เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่แนบแน่นกับทาง LINEMAN Wongnai เลยทีเดียวครับ และที่มี AWS เป็นพาร์ทเนอร์นี่เองทำให้ LINEMAN Wongnai มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันตามนี้ครับ
- Innovation: ด้วยโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ทำให้ทางทีมสามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ภายใน 28 วันในช่วงโควิด
- Cost: ระบบ Simulation ที่ช่วยในการ optimize ต้นทุน เพื่อบริหารค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่มาจากไรเดอร์
- Acceleration: LINEMAN Wongnai เองก็มีการ M&A ให้กับ Start-Up เจ้าอื่นในไทยอย่าง FoodStory POS ซึ่ง Start-Up เจ้านี้ก็ใช้ AWS ซึ่งนั่นทำให้การรวบรวมระบบใช้เวลาและต้นทุนน้อยกว่า
ต้องบอกเลยครับว่า จากที่คุณยอดกล่าวมาทั้งหมดนั้น AWS มีส่วนสำคัญมากในการประสบความสำเร็จของ LINEMAN Wongnai ซึ่งคุณยอดก็กล่าวปิดท้ายไปอีกว่าเขาและทีมจะพา Unicorn ตัวนี้เข้าสู่ IPO ให้ได้ ยังไงผมก็ขอเอาใจช่วยนะครับ
Sunsern Samaisut - CTO, CP Group และ MD, AXONS
Guest Speaker คนถัดมาจะเป็นตัวแทนจากฝั่งมหาชนกันบ้างอย่างคุณ Sunsern Samaisut - CTO, CP Group และ MD, AXONS ซึ่งผมขอบอกเลยว่าตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาบนเวที คุณ Sunsern ก็พูดด้วยท่าทีขึงขันน่าตั้งใจฟังอย่างมาก (ผมชอบจังหวะในการพูดของเขาน่ะ 555)
คุณ Sunsern กล่าวเปิดว่า CP Group นั้นเป็นธุรกิจที่มี Ecosystem ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งพวกเขามีธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำของระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยคุณ Sunsern กล่าวเน้นอีกว่าด้วยขนาดธุรกิจที่ใหญ่โตขนาดนี้ CP Group มีสามหลักที่ให้ความสำคัญนั่นคือเรื่องของ คน, กระบวนการ, ระบบ ควบคู่กับหลักอีกสามข้อจากด้าน Technology คือ IT, Data, AI
- โดยเริ่มจาก IT ทาง CP Group นำซอฟแวร์ระดับโลกมาใช้ในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมงานได้คุ้นเคยและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- จากนั้นก็มาสู่การนำ Data ไปใช้ในการทำซอฟแวร์ขึ้นมาเอง ซึ่งทำให้พนักงานได้ใช้เทคโนโลยีจากข้อมูลในการทำงาน เหมือนกับการใส่สูทสั่งตัด (Tailored Suit) (ผมล่ะชอบการเปรียบเทียบของเขาจริง ๆ)
- และในยุคปัจจุบันนี้ AI ก็เป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจ (Game Changer) การนำความฉลาดจากข้อมูลไปให้กับคนทำงานในองค์กรได้ใช้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำงานเชิงรุก ผสานกับวิสัยทัศน์และใช้ควบคู่กับธุรกิจ
คุณ Sunsern กล่าวทันทีว่าการใช้ AI ได้อย่างช่ำชองจนประสบความสำเร็จนั้นต้องมีหลักหกประการ
1. Data Readiness: ความพร้อมของข้อมูล
2. Process: กระบวนการทำงานต้องอยู่บน Digital Platform เพื่อให้มีข้อมูลที่สดใหม่ และเป็นประโยชน์ให้ AI ได้ใช้อย่างทันท่วงที
3. People: ทุกคนในองค์กรต้องมีความรู้ เข้าใจ AI ขั้นพื้นฐานเพื่อยกระดับการทำงานทุกมิติ
4. Technology & Infrastructure: AWS ช่วยตรงนี้ให้กับองค์กรเราเป็นอย่างมาก คุณ Sunsern กล่าว
5. Investment: การลงทุนด้านเทคอย่างต่อเนื่องช่วยให้ประสิทธิภาพของ AI และธุรกิจนั้นเติบโตได้อย่างมั่นคง
6. Governance: การกำกับดูแลเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะยุคนี้ สิทธิความเป็นส่วนบุคคล และความปลอดภัยของข้อมูลนั้นล้วนเป็นสำคัญ
จากนั้นคุณ Sunsern ก็กล่าวต่อถึงหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ของ CPF ที่ได้นำเทคโนโลยีไปใช้ทั้งด้านของ True Corporation, 7-11, Gosoft เป็นต้น
และก่อนจบคุณ Sunsern ยังกล่าวแบบเท่ ๆ ด้วยว่า ในตอนนี้
Technology at the forefront: เทคโนโลยีไม่ได้เป็นทัพหลังแล้ว แต่พวกเขาเป็นเกมรุก เป็นทัพหน้าที่ควบคู่กับหน่วยงานธุรกิจ ที่จะนำพาองค์กรสู่เวทีโลกด้วย AI และนวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นนี่แหละ
จบแบบงาม ๆ น่าจดจำจริง ๆ ครับ
ในเนื้อหาส่วนของ Key Note นี้ต้องบอกเลยครับว่า AWS นั้นได้พิสูจน์ตัวเองแล้วจริง ๆ ว่าพวกเขามีส่วนและเป็นส่วนสำคัญที่นำพาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือองค์กรมหาชน AWS ล้วนเป็นส่วนที่ช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถสร้างสรรค์ที่จินตนาการออกมาได้จริง ๆ ครับ
AWS Summit Bangkok 2025 On-demand
หากเพื่อน ๆ ท่านไหนอ่านบทความแล้วรู้สึกว่ายังไม่สะใจ สามาถเข้าไปชมวิดีโอที่ทาง AWS เขาเก็บไว้ให้ผ่าน AWS Summit Bangkok 2025 On-demand ได้เลยนะครับ โดยวิดีโอเหล่านี้สามารถรับชมได้ถึง 30 มิถุนายน 2025 นี้ครับ
สำหรับวันนี้