
AWS Summit Bangkok 2025: สู่บทใหม่ของอนาคตดิจิทัลประเทศไทย
ทักทายกันหน่อย
สวัสดีครับ เพื่อน ๆ กับมาเจอกันอีกครั้งครับ กับฤดูกาลบทความของ AWS Summit 2025 Bangkok ครับ ซึ่งในครั้งนี้ผมไม่อยากดองไว้นานเลยอยากจะขนเนื้อหาที่เข้าร่วมในแต่ละเซสชั่น รวมถึงบรรยากาศของงานมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจไปด้วยกันครับ
สำหรับปีนี้ ต้องบอกว่า AWS เขาเตรียมตัวมาอย่างดีมาก ๆ (ทั้งที่ปกติก็ดีอยู่แล้วอะนะครับ) อย่างแรกเลยคือ สถานที่ แม้จะจัดที่ศูนย์สิริกิติ์ที่เดิม แต่ครั้งนี้เขาเล่นใช้พื้นที่ทั้งชั้นเลยครับ ซึ่งถือว่าดีมาก คนเข้าเยอะ แต่ยังมีพื้นที่ให้เดินเหินได้สะดวกครับ ที่สำคัญมุมลงทะเบียนเองก็กระชับฉับไว และคล่องตัวมาก ๆ ด้วย ผมล่ะประทับใจจริง ๆ แน่นอนครับ อาหารการดูแล เทคแคร์ต่าง ๆ ก็ยังคงดีเหมือนเดิม เรียกว่าแทบไม่ต้องใช้เงินกันเลยทีเดียว
เอาล่ะ เรามาเข้าเนื้อหากันดีกว่าครับ
Opening Session
สำหรับช่วงเริ่ม Session หลักนี้ก็เหมือนเคยครับ คุณ Vatsan Thirapatarapong, Country Leader, Thailand, AWS กล่าวเปิดงานพร้อมกับแจ้งอย่างเป็นทางการกับการเปิดตัวของ AWS Thailand Region ซึ่งรองรับองค์กรไทยกว่า 350 แห่งในเวลาเพียง 112 วัน และถือเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปี AWS Thailand แล้วด้วยครับ
Thailand’s Digital Future
เนื้อหาที่สำคัญเลยคือเรื่องของ Thailand’s Digital Future -อนาคตด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งคุณ Vatsan ได้กล่าวอย่างน่าสนใจถึงกลยุทธ์ผ่านเสาหลัก 3 ด้านตามนี้ครับ
- Technology: ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและปลอดภัย เนื่องจาก AWS Thailand Region เป็นหนึ่งใน 36 Regions ทั่วโลกที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัย โดยคุณ Vatsan เน้นว่าทุกการให้บริการของ AWS ในประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลโดยไม่ลดทอนและประณีประนอมต่อการปฏิบัติด้านความปลอดภัยแม้แต่นิดเดียว (แหม่ เรียกได้ว่าเป็น commitment ที่ทรงพลังจริง ๆ ครับ)
- Transformation: การใช้ Cloud และ AI เปลี่ยนเกมธุรกิจ โดยทาง AWS แสดงตัวอย่างการทำ Digital Transformation ที่เกิดขึ้นจริงในหลายองค์กร เช่น ธนาคารกรุงศรีฯ ใช้ AI จาก AWS ลดเวลาประเมินสินทรัพย์จาก 3 วัน เหลือเพียง 15 นาที, 7-Eleven ที่ใช้ AI บริหารจัดการซัพพลายเชน ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกได้ถึง 40%, True Corporation ใช้ AI ดึงข้อมูลเครือข่ายมือถือมาแปลงเป็น Business Insight ลดเวลาจาก 4 วันเหลือ 4 นาที
- Talent: พัฒนาคนไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เพราะ AWS ให้ความสำคัญกับการสร้าง "Talent Pipeline" ด้วยโครงการใหม่ อาทิ
- Skills to Jobs Tech Alliance Thailand: เชื่อมภาคการศึกษากับภาคธุรกิจ โดยเริ่มต้นด้วย 11 มหาวิทยาลัย และ 11 องค์กร พร้อมรับนักศึกษาที่ผ่านการอบรมเข้าทำงาน
- โครงการนำร่องฝึกอบรม AI ในต่างจังหวัด: ฝึกอบรมเยาวชนเกือบ 5,000 คนในชลบุรีและอ่างทอง และนักเรียนสามารถนำความรู้ไปพัฒนาแอปจริง
- ส่วนโครงการดั้งเดิมอย่าง AWS Skill Builder, AWS re/Start เป็นต้น ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นกันครับ (ส่วนตัวต้องบอกเลยครับว่า Skill Builder ของเขาน่ะดีจริง!)
ต้องบอกเลยว่าการกล่าวเปิดของคุณ Vatsan ทำให้ผมสัมผัสได้ว่าหลังจากนี้ AWS จะเดินหน้าเต็มกำลังกับการลงทุนในไทยแล้วครับ เพราะทาง AWS คาดว่าจะเพิ่มมูลค่า GDP ไทยได้ถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใน 15 ปี และสร้างการจ้างงานเฉลี่ยกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี น่าตื่นเต้นมาก
Key Note
จากนั้น คุณ Vatsan ได้ส่งไมค์ต่อให้กับคุณ Laura Grit, Vice President & Distinguished Engineer จาก AWS ได้กล่าวต่อในช่วง Key Note พร้อมกับ Guest Speaker สองท่านจากสองบริษัทซึ่งได้แก่
- คุณ Yod Chinsupakul, Founder & Chief Executive Officer, LINE MAN Wongnai
- คุณ Sunsern Samaisut, Chief Technology Officer, CP Group และ Managing Director, AXONS
คุณ Laura ได้กล่าวถึงการเดินทางของ AWS แบบ Global โดยเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกมาจนถึงปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ที่ผมชอบมากที่สุดเลยคือสไลด์ที่พูดถึงเรื่องของ AWS Regions ครับ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ เลยครับ ทั้งนี้ ยังมีการอัปเดตเรื่องของฟังก์ชันใหม่ ๆ ในเซอร์วิสเรือธงอย่าง EC2 และ S3 ด้วยครับ
อ้อ และที่เสริมมาเลยก็คือเซอร์วิสทางด้านการสร้าง AI ตัวใหม่อย่าง Amazon Sagemaker Unified Studio ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็น Studio สมชื่อจริงๆ เพราะในเซอร์วิสเดียวก็บรรจุฟังก์ชันมากมายหลากหลายด้านให้ใช้กันอย่างจุใจจริง ๆ ครับ
ในระหว่างที่คุณ Laura ดำเนินการบรรยาย ก็มีการเปลี่ยนไมค์ให้กับ Guest Speaker สองท่านให้ขึ้นมากล่าวต่อครับ
โดยทั้งสองท่านก็ได้ขึ้นมากล่าวเกี่ยวกับเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจที่มี AWS เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผมต้องขอแจ้งให้ทราบเลยครับว่า เนื้อหาในส่วนของ KeyNote นี้พิเศษมาก ๆ ผมจึงขออนุญาตไปเล่าเชิงลึกในบล็อกใหม่แยกต่างหากครับ เพื่อจะได้มีพื้นที่แบ่งฟันให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอย่างจุใจ (ไว้ติตตามกันด้วยนะครับ)
เจอกัน บทความหน้า!
และนี่คือ Opening Session ในช่วงเช้าครับ ต้องบอกเลยว่า แค่เปิดมาก็ว้าวแล้ว และใน Session ถัด ๆ ไปที่ผมได้ไปเข้าร่วมมา รวมถึง KeyNote ที่ผมได้สัญญาไว้จะมีเนื้อหาเป็นอย่างไร ฝากติดตามกันด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ พระเจ้าอวยพรครับ