AWS Summit Bangkok 2025: เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนสำหรับภาระงานด้าน Database พร้อม Use Case จาก Bitkub Exchange

AWS Summit Bangkok 2025: เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนสำหรับภาระงานด้าน Database พร้อม Use Case จาก Bitkub Exchange

สวัสดีค่ะผู้อ่าน DevelopersIO ทุกคน เฟินจาก Classmethod Thailand ค่ะ

วันนี้จะมาแชร์ข้อมูลจากเซสชั่นที่ได้เข้าร่วมฟังมาเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่งาน AWS Summit Bangkok 2025 ที่ผ่านมาค่า
Boost performance and reduce costs for your database workloads” หรือภาษาไทยก็คือ “เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนสำหรับภาระงานด้าน Database

IMG_2642

ในเซสชั่นนี้หลักๆจะพูดถึง Amazon RDS Aurora นะคะ ซึ่งเป็น Managed Service Database ที่ทาง AWS ได้พัฒนามาให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ Commercial Database ที่ใช้กันในท้องตลาดเลย

ทำไมเราต้องใช้ Amazon RDS?

IMG_2643

1.Easy to administer

จากที่เมื่อก่อนการที่เราจะมีดาต้าเบสได้ต้องเตรียมนู่นเตรียมนี่คุยกับ Security ต่างๆเยอะมาก AWS ออกตัว RDS Managed Service เพียงแค่ผู้ใช้งานกดคลิ๊กก็สร้าง Managed Database ได้เลย ทำให้บริการนี้ลดภาระงานจุกจิกไปได้เยอะและฝั่งงานของผู้ใช้งานก็เหลือแค่ Core งานสำคัญๆ เช่น จะ integrated แอปเข้ากับดาต้าเบสยังไง เป็นต้น

2.Secure and compliant

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ AWS เน้นย้ำมาตั้งแต่ Day 0 ตัว RDS ที่เราสร้างจะอยู่ภายใต้ AWS Environment ตราบใดที่เราจัดการอย่างเป็นระบบและไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาใน VPC ของเราก็จะไม่มีสามารถแอคเซสดาต้าเบสของเราได้ และในส่วนของ compliant สามารถกางตัว AWS Artifact มาเทียบกับมาตรฐานที่ต้องไป Comply ได้เลย

3.Available and durable

ข้อมูลที่เราจัดเก็บใน RDS จะถูกเก็บมากกว่า 1 ก๊อปปี้ หากมีตัวใดตัวหนึ่งตาย AWS สามารถไปดึงจาก DC อื่นมาได้

4.Performant and scalable

RDS สามารถปรับสเกลให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละช่วงเวลาได้โดยส่งผลกับแอปพลิเคชันน้อยที่สุด

AWS RDS Cost

ในความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่า Cost ของการใช้งาน RDS ค่อนข้างจะพอสมควร
เราจะมาดู Cost Dimensions กันว่า Factor ค่าใช้งาน RDS มาจากอะไรบ้าง

AWS RDS Cost dimensions

IMG_2644

แบ่งเลเยอร์ได้ตามนี้ค่ะ
Every DB cluster : Cost ที่เลี่ยงไม่ได้เลยของการใช้งาน RDS คือ Compute และ Storage
Most DB clusters : ทุกที่ควรจะใช้กันปกติ
Use case or feature dependent : ตรงนี้จะขึ้นอยู่กับการ Add-on ของแต่ละการใช้งาน

Key Amazon Aurora cost dimensions

เจาะลึก Key หลักๆที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่าย

IMG_2645 (1)

Compute

IMG_2647

AWS ต้องการให้ยูสเซอร์สามารถใช้งานได้อย่าง flexible จึงมี compute สำหรับบริการ RDS ให้ผู้ใช้งานเลือกใช้งานได้หลายประเภทเหมือนที่ให้บริการใน EC2 เพราะฉะนั้นเราควรเลือก instance class ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

โดย RDS มีเครื่องมือที่ใช้งานได้ฟรี คือ Performance Insights ที่จะช่วยให้เราประเมินการใช้งาน RDS ของเราได้ว่าขนาดที่เราใช้อยู่เหมาะหรือไม่ และอีกเครื่องมือนึงที่เราสามารถใช้ได้ฟรีอีกตัวคือ Cost Optimizer

IMG_2650

IMG_2652

นอกจากนี้หากเราใช้งาน Aurora เราสามารถใช้ Read Replica เผื่อไม่ให้ query มารบกวนกับตัว Instance หลัก

IMG_2653

Storage

ทุกครั้งที่เราเก็บข้อมูล Aurora จะส่งไปเก็บทุก AZ หากเราใช้งาน Aurora เราแทบไม่ต้องประเมินขนาดล่วงหน้าเพราะ Aurora คิดเงินตามการใช้งานจริงและมี Aurora I/O Optimized ที่ไม่มีการชาร์จค่า I/O สามารถตั้งค่า On/Off โดยไม่มี impact กับการใช้งาน ส่วนใหญ่ว่ากันว่าลด Cost ไปได้ราวๆ 40%

IMG_2656

IMG_2658

Backup

มีให้เลือกทั้ง Retention อัตโนมัติหรือ Manual Snapshot เองได้ 
เพื่อลด Cost ได้มากขึ้นเราสามารถ Export ดาต้าไปอยู่ที่อื่นได้ หรือลด Retention period หรือ ไซส์

IMG_2659

Amazon Aurora Global Database

ในกรณีที่เรามีการใช้งานมากกว่า 1 รีเจี้ยน ทาง AWS แนะนำให้เลือกใช้งาน Amazon Aurora Global Database ที่สามารถซิงค์ข้อมูลข้ามรีเจี้ยนอัตโนมัติได้เลย

IMG_2661

Use Case ที่สำคัญก็ตามข้อมูลด้านล่างนี้เลยค่ะ

IMG_2662

Use Case from Bitkub

จะเป็นในส่วนของทาง CTO จาก Bitkub มาแชร์ประสบการณ์การใช้งานดาต้าเบสบน AWS ค่ะ
โดยทางแพลตฟอร์ม Bitkub Exchange มีเป้าหมายที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือที่สุดของรีเจี้ยน จึงแปลว่าจะต้องสามารถ Scale ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงเวลาได้โดยที่ performance ไม่ตกและใช้เงินอย่างสมเหตุสมผลซึ่งบริการที่ตอบโจทย์ที่ทาง Bitkub ใช้คือ Amazon Aurora Global Database โดยใน Journey นี้ Bitkub ทำงานร่วมกับ AWS อย่างใกล้ชิดและสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ตาม Key หลักครบเลยค่ะ

IMG_2666

IMG_2677

สรุป

ตามข้อมูลในหัวข้อทำไมเราต้องใช้ RDS ที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเลยนะคะ AWS RDS เป็น Managed Service Database ที่ช่วยลดภาระการเตรียมงานด้านอินฟราให้ผู้ใช้งานได้อย่างมาก อีกทั้งยังสามารถช่วยคุมค่าใช้จ่ายหากเราเลือกใช้และตั้งค่าสิ่งที่เกี่ยวข้องต่างๆได้เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้งานได้ตั้งแต่ขนาดเล็กที่สุดของตัวบริการและปรับเพิ่มตามความเหมาะสมได้ทุกเมื่อเลยค่ะ

Share this article

facebook logohatena logotwitter logo

© Classmethod, Inc. All rights reserved.