วิธีการเปลี่ยนภาพพื้นหลังของ EC2 Windows Server บน AWS แบบถาวร

เราสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังที่ต้องการใน EC2 Windows Server โดยใช้โปรแกรม Amazon EC2Launch settings ที่ติดตั้งมาให้พร้อมกับ EC2 Windows Server เพื่อให้ภาพพื้นหลังคงอยู่แบบถาวรได้ ดังนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการเหล่านี้โดยปฏิบัติจริงและมีเนื้อหาที่เป็นขั้นตอนไว้ให้อ่านและทำตามกันครับ

สวัสดีครับ POP จากบริษัท Classmethod (Thailand) ครับ

เคยไหมครับที่ใช้งาน EC2 Windows Server แล้วต้องการเปลี่ยนพื้นหลัง?
โดยปกติแล้วบน Windows จะมีช่องทางให้เราเปลี่ยนพื้นหลังโดยเข้าไปใน "Setting > Personalization > Background" ซึ่งใน Windows บน Local ที่เราใช้งานทั่วไปสามารถเปลี่ยนได้ตามปกติ

และสำหรับใน EC2 Windows Server ก็สามารถเปลี่ยนพื้นหลังด้วยช่องทางของระบบ Windows ได้เช่นกัน ! แต่หลังจากเปลี่ยนพื้นหลังแล้ว มีการ Sign out หรือ Restart EC2 Windows Server จะทำให้ภาพพื้นหลังที่เราเปลี่ยนด้วยช่องทางของระบบ Windows ก่อนหน้านี้ไม่ถูกบันทึกไว้ และจะกลับมาเป็นภาพพื้นหลังที่เป็นค่าเริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราต้องการเปลี่ยนภาพพื้นหลังที่เราต้องการให้คงอยู่แบบถาวร ในตัวระบบ EC2 Windows Server ก็มีโปรแกรม Amazon EC2Launch settings ที่ติดตั้งมาให้ในตัวเพื่อทำให้ภาพพื้นหลังที่เราเปลี่ยนนั้นสามารถคงอยู่แบบถาวรได้

สิ่งที่ต้องมี

ก่อนอื่นให้เปิดใช้งาน EC2 Windows Server เตรียมไว้ครับ

ดูตัวอย่างได้ที่ลิงก์บทความด้านล่างนี้ครับ

เปลี่ยนพื้นหลังแบบถาวร

Login เข้ามาที่หน้าจอ Remote Desktop แล้วคลิกปุ่ม Windows เลือกโฟลเดอร์ Amazon Web Server แล้วคลิกโปรแกรม Amazon EC2Launch settings

เลือกแท็บ Wallpaper แล้วคลิก Image path (.jpg) (*สำหรับรูปที่ต้องการดาวน์โหลดมาจากภายนอก ต้องเป็นไฟล์ .jpg)

ให้เลือกภาพพื้นหลังที่เราต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกภาพที่มีอยู่ในระบบ Windows หรือจะนำเข้าจากภายนอกก็ได้

การเปลี่ยนครั้งนี้จะใช้ภาพที่นำเข้าจากภายนอกเพื่อให้เห็นว่าเราสามารถใช้ภาพที่นำเข้าจากภายนอกได้
วิธีการนำภาพเข้ามาใน EC2 Windows Server คือเราสามารถโหลดภาพจาก Internet หรือจะคัดลอกจาก Local ไปยัง Remote Desktop ก็ได้ แต่ครั้งนี้ผมจะใช้วิธีคัดลอกภาพจาก Local ไปยัง Remote Desktop

วิธีการคือมาที่โฟลเดอร์หรือไฟล์ภาพใน Local ของเรา(ตัวอย่างนี้จะมีภาพภูเขาฟูจิอยู่ในโฟลเดอร์ Example) แล้วคลิกขวาที่โฟลเดอร์ของเรา แล้วเลือก Copy
แล้วเข้าไปที่หน้าจอ Remote Desktop แล้วคลิกขวา และเลือก Paste เพื่อวางโฟลเดอร์ลงใน "Local Disk (C:) > Windows > Web > Wallpaper" (ไม่สามารถคลิกที่ภาพจาก Local ค้างไว้ แล้วลากไปวางใน Remote Desktop ได้)
จากนั้นคลิกเข้าไปที่โฟลเดอร์ของเราเพื่อเลือกภาพ(สำหรับใครที่คัดลอกมาแต่ภาพให้เลือกโดยคลิก Open ที่ภาพได้เลย)

เมื่อเข้ามาที่โฟลเดอร์ของเราแล้ว คลิกที่ภาพที่ต้องการใช้เป็นพื้นหลัง ตัวอย่างนี้คือภาพภูเขาฟูจิ แล้วคลิก Open (เราสามารถกดดับเบิ้ลคลิกที่ภาพได้โดยไม่ต้องกด Open)

แล้วตรวจสอบ Path ของไฟล์ภาพ ถ้า OK แล้ว ให้คลิก Save แล้วปิดโปรแกรมไปได้เลย

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้ทำการ Restart โดยคลิกปุ่ม Windows เลือกไอคอน Power และเลือก Restart
*หลังจากตั้งค่าในโปรแกรม Amazon EC2Launch settings ต้องทำการ Restart Windows Server เพื่อให้การตั้งค่าส่งผลกับระบบ Windows Server เพราะหากทำการ Sign out การตั้งค่าก็จะไม่ส่งผลกับระบบ Windows Server

รอระบบ Restart Windows Server สักครู่(ประมาณ 1 นาที) แล้วทำการ Login ผ่าน Remote Desktop อีกครั้ง
เมื่อ Login เข้ามาหน้าจอ Remote Desktop แล้ว ให้รอสักครู่ ก็จะเห็นว่าภาพพื้นหลังเปลี่ยนเป็นภาพภูเขาฟูจิแล้ว

Select attributes to display on wallpaper

เปิดโปรแกรม Amazon EC2Launch settings และเลือกแท็บ Wallpaper อีกครั้ง
แล้วผมจะทำการตั้งค่า attributes ที่แสดงบนภาพพื้นหลังตามที่ต้องการดังนี้ (ตัวอย่างนี้เป็นแค่แนวทาง)
เอาเครื่องหมาย ✅ ที่ ["Hostname", "Instance ID", "Private IP address", "Public IP address"] ออกเพื่อซ่อน attributes เหล่านี้
ติ๊ก ที่ OS เพื่อให้แสดงบนภาพพื้นหลัง
คลิก Save

ทำการ Restart และ Login ผ่าน Remote Desktop อีกครั้ง
แล้วรอสักครู่ ก็จะเห็นว่า attributes OS: Windows Server 2022 Datacenter ที่เราติ๊ก ✅ เมื่อสักครู่นี้ แสดงบนภาพพื้นหลังแล้ว

สรุป

การสาธิตครั้งนี้จะเน้นไปที่การเปลี่ยนภาพพื้นหลังสำหรับ EC2 Windows Server แบบถาวรโดยใช้โปรแกรม Amazon EC2Launch settings และแถมวิธีการตั้งค่า attributes เช่น ซ่อนและแสดง attributes ที่ต้องการบนภาพพื้นหลังด้วยครับ

การตั้งค่านอกเหนือจากนี้เราก็สามารถทำได้ แต่เนื่องจากบทความนี้เป็นการแนะนำการตั้งค่าที่เน้นบางส่วนเท่านั้น สำหรับการตั้งค่าอื่นๆ เราสามารถลองไปตั้งค่าตามที่เราต้องการได้ครับ

ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้นะครับ

POP จากบริษัท Classmethod (Thailand) ครับ !

บทความที่เกี่ยวข้อง